What is the most common waste in schools? How can students and schools improve waste management? Read this for more

ขยะประเภทใดที่พบบ่อยที่สุดในโรงเรียน? นักเรียนควรทิ้งขยะที่ไหน? โรงเรียนสามารถทำอะไรเพื่อปรับปรุงการจัดการขยะ?

What is the most common waste in schools? How can students and schools improve waste management? Read this for more in

โรงเรียนคือภาพจำลองขนาดย่อมของสังคม ด้วยจำนวนนักเรียนและบุคลากรหลายร้อยถึงหลายพันคนมารวมตัวกันในสถานที่เดียวทุกวัน โรงเรียนจึงสร้างขยะในปริมาณมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่ซองขนมไปจนถึงสมุดโน้ต อาหารเหลือ ไปจนถึงตลับหมึกพิมพ์ ประเภทของขยะมีหลากหลายมาก

การแก้ไขปัญหานี้ไม่เพียงแต่จำเป็นต่อความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสทางการศึกษาที่ล้ำค่าในการปลูกฝังแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนให้กับคนรุ่นใหม่

ในบทความนี้ เราจะสำรวจประเด็นต่อไปนี้:

  • ขยะประเภทใดที่พบบ่อยที่สุดในโรงเรียน?
  • นักเรียนควรทิ้งขยะที่ไหน?
  • โรงเรียนสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อปรับปรุงการจัดการขยะ? โดยเน้นแนวทางที่ทันสมัย เช่น เครื่องกำจัดเศษอาหารของ HASS Thailand

ขยะประเภทใดที่พบบ่อยที่สุดในโรงเรียน?

เมื่อเรานึกถึงขยะในโรงเรียน ภาพที่มักจะนึกถึงคือถังขยะที่ล้นออกมาในโรงอาหารหรือเศษกระดาษในห้องเรียน แต่ขยะที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จริง ๆ แล้วคืออะไร?

ขยะอาหาร

ขยะอาหารถือได้ว่าเป็นขยะที่พบมากที่สุดในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นแซนด์วิชที่กินไม่หมด กล่องนมที่ยังดื่มไม่หมดและยังมีนมเหลืออยู่ในกล่อง หรือผลไม่ที่ยังไม่ได้ถูกบริโภค สิ่งเหล่านี้มักจะลงถังขยะเสมอ จากงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ขยะอาหารสามารถคิดเป็น 30-50% ของขยะทั้งหมดในโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีโรงอาหารหรือโครงการอาหารกลางวัน

ขยะกระดาษ

 แม้ว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคดิจิทัล แต่กระดาษก็ยังถูกใช้จำนวนมากในการเรียน การสอบ การบ้าน และงานธุรการ ซึ่งส่วนใหญ่ลงถังขยะ แม้จะยังใช้งานได้หรือสามารถรีไซเคิลได้ก็ตาม

บรรจุภัณฑ์พลาสติก

 ซองขนม ช้อนส้อมพลาสติก ขวดน้ำ และพลาสติกแรปที่ใช้ห่ออาหารกลางวัน ล้วนเป็นขยะพลาสติกจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกใช้ครั้งเดียวและไม่สามารถรีไซเคิลได้

กล่องกระดาษ

ขยะกล่องกระดาษมาจากกล่องพัสดุ กล่องบรรจุอุปกรณ์การเรียน และภาชนะเครื่องดื่ม แม้จะสามารถรีไซเคิลได้ แต่ก็เพิ่มปริมาณขยะในโรงเรียนอย่างมาก

ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste)

โปรเจ็กเตอร์เก่า แบตเตอรี่ แท็บเล็ตที่ล้าสมัย และตลับหมึกพิมพ์ แม้จะไม่ใช่ขยะที่พบมาก แต่เป็นขยะที่อันตรายและจัดการได้ยาก

ขยะทั่วไป

หมายถึงขยะผสมหรือขยะปนเปื้อน เช่น ของที่สามารถรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้แต่ถูกทิ้งอย่างไม่เหมาะสม

นักเรียนควรทิ้งขยะที่ไหน?

การให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับวิธีและสถานที่ทิ้งขยะเป็นสิ่งสำคัญพอ ๆ กับการจัดการขยะ โรงเรียนควรทำให้การทิ้งขยะอย่างถูกต้องเป็นเรื่องง่ายและเข้าใจได้สำหรับทุกคน

ถังขยะแยกประเภท

การติดตั้งถังขยะที่แยกประเภทอย่างชัดเจนและมีรหัสสีทั่วโรงเรียนเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด

  • ถังสีน้ำเงิน สำหรับกระดาษ
  • ถังสีเหลือง สำหรับพลาสติก
  • ถังสีเขียว สำหรับเศษอาหารหรือของย่อยสลายได้
  • ถังสีแดง สำหรับขยะทั่วไป
  • ถังเฉพาะ สำหรับแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ถังเหล่านี้ควรตั้งในพื้นที่สำคัญ เช่น

  • โรงอาหาร
  • ห้องเรียน
  • ทางเดินและพื้นที่ส่วนกลาง
  • บริเวณกลางแจ้งใกล้สนามกีฬา

ป้ายและคำแนะนำ

ถังควรมีป้ายแสดงอย่างชัดเจนพร้อมรูปภาพแสดงสิ่งที่ควรใส่ในแต่ละถัง เพื่อให้นักเรียนทุกวัย—including เด็กเล็กและผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาแม่—เข้าใจได้ง่าย

จุดหมักปุ๋ย (Composting Stations)

เพื่อแก้ปัญหาขยะอาหาร โรงเรียนควรมีถังหมักปุ๋ย หรือเครื่องกำจัดเศษอาหาร เช่น HASS Thailand’s Food Waste Composter ซึ่งสามารถเปลี่ยนเศษอาหารให้เป็นปุ๋ยหรือปุ๋ยชีวภาพได้อย่างรวดเร็ว เครื่องเหล่านี้ช่วยลดขยะที่ต้องนำไปฝังกลบ และโรงเรียนสามารถนำปุ๋ยที่ได้ไปใช้ในสวนหรือบริจาคให้เกษตรกรท้องถิ่นได้อีกด้วย

โรงเรียนสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อปรับปรุงการจัดการขยะ?

การจัดการขยะในโรงเรียนไม่ได้จบเพียงแค่การวางถังขยะ มันคือการสร้างวัฒนธรรมแห่งการตระหนักรู้ ความรับผิดชอบ และความยั่งยืน

แนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดมีดังนี้:

การตรวจสอบขยะ (Waste Audit)

เริ่มต้นด้วยการเข้าใจประเภทและปริมาณขยะที่โรงเรียนผลิตขึ้น โดยทำการตรวจสอบขยะ:

  • เก็บและแยกขยะจากทุกพื้นที่ในโรงเรียน
  • ชั่งน้ำหนักแต่ละประเภท
  • ระบุรูปแบบและปัญหาหลัก

สิ่งนี้จะช่วยตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้และหาแนวทางที่เหมาะสม

หมักขยะอาหารด้วยเครื่อง HASS Thailand’s Food Waste Composter

หนึ่งในวิธีที่ทันสมัยที่สุดคือการเปลี่ยนขยะอาหารให้เป็นทรัพยากร เครื่องนี้เหมาะสำหรับโรงเรียนและองค์กรขนาดกลาง

ประโยชน์ ได้แก่:

  • ลดปริมาณขยะอาหารได้ถึง 90%
  • ไม่มีกลิ่นด้วยระบบกำจัดกลิ่นในตัว
  • สร้างปุ๋ยได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือวัน
  • ใช้งานง่ายทั้งสำหรับครูและนักเรียน
  • เป็นโอกาสทางการเรียนรู้เกี่ยวกับการหมัก, จุลชีววิทยา และความยั่งยืน

หากรวมการใช้เครื่องนี้เข้ากับบทเรียนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม จะกลายเป็นบทเรียนที่มีชีวิตจริง

โครงการลดการใช้กระดาษ

  • สนับสนุนให้พิมพ์สองหน้า และนำกระดาษหน้าเดียวมาใช้ซ้ำ
  • ใช้ระบบการเรียนรู้ดิจิทัล (LMS) สำหรับการบ้านและบันทึก
  • วางถาดสำหรับกระดาษใช้ซ้ำในแต่ละห้องเรียน

นโยบายลดพลาสติก

  • ห้ามหรือจำกัดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
  • สนับสนุนให้นักเรียนนำขวดน้ำและกล่องอาหารที่ใช้ซ้ำได้มาเอง
  • ร่วมมือกับโรงอาหารเพื่อนำอุปกรณ์ใช้แล้วซ้ำหรือย่อยสลายได้มาใช้แทน

โครงการรีไซเคิล

ประสานงานกับบริษัทรีไซเคิลในท้องถิ่นเพื่อเก็บกระดาษ พลาสติก และขยะอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งตั้งจุดรับแบตเตอรี่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และตลับหมึก

หลักสูตรสีเขียว (Green Curriculum)

 รวมเนื้อหาด้านสิ่งแวดล้อมเข้าไปในบทเรียน เช่น

  • ผลกระทบของขยะต่อสิ่งแวดล้อม
  • ขั้นตอนการรีไซเคิล
  • การบริโภคอย่างยั่งยืน
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการปล่อยก๊าซมีเทนจากขยะ

การจัดทัศนศึกษายังโรงงานรีไซเคิลหรือสถานที่หมักปุ๋ยจะทำให้บทเรียนสนุกขึ้น

การมีส่วนร่วมของนักเรียน

แต่งตั้งผู้นำสีเขียว (Eco Leaders) ในแต่ละห้อง จัดแข่งขันระหว่างห้องหรือระดับชั้น เช่น

  • ห้องไหนผลิตขยะน้อยที่สุด
  • ห้องไหนรีไซเคิลกระดาษได้มากที่สุด
  • แข่งสร้างงานศิลป์จากวัสดุรีไซเคิล

การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน

  • ส่งจดหมายข่าวหรือจัดเวิร์กชอปให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับนโยบายขยะของโรงเรียน
  • ประสานงานกับองค์กรท้องถิ่นหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อขอความร่วมมือ

ปรับปรุงโรงอาหาร

  • ตรวจสอบปริมาณบรรจุภัณฑ์ขยะจากโรงอาหาร
  • เปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้
  • ส่งเสริมเมนูที่ดีต่อสุขภาพและลดของเหลือ
  • ชั่งและแสดงปริมาณขยะอาหารประจำวันเพื่อสร้างความตระหนักรู้

ติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

เมื่อมีโปรแกรมจัดการขยะแล้ว โรงเรียนควร:

  • ตรวจสอบผลลัพธ์เป็นประจำ
  • ปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์
  • เฉลิมฉลองความสำเร็จ เช่น “โรงเรียนนี้หมักปุ๋ยได้ 1 ตัน!”
  • รับฟังความคิดเห็นจากนักเรียนและครูเพื่อนำไปปรับปรุงเพิ่มเติม

High angle close up of person holding hands full of brown fish meal.

ทำไมการจัดการขยะในโรงเรียนจึงสำคัญ?

ขยะในโรงเรียนไม่ใช่แค่เรื่องการจัดการภายใน แต่คือโอกาสในการเรียนรู้และความรับผิดชอบเชิงจริยธรรม โรงเรียนที่ลดขยะและส่งเสริมความยั่งยืน:

  • ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะ
  • เป็นแบบอย่างพฤติกรรมที่ดี
  • เตรียมเด็ก ๆ ให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม

เด็ก ๆ โดยธรรมชาติมีความอยากรู้อยากเห็นและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดี หากได้รับการส่งเสริมอย่างถูกต้อง พวกเขาสามารถเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนที่มีพลังทั้งในโรงเรียนและสังคมโดยรวม

สรุป

การจัดการขยะในโรงเรียนไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยุ่งยาก หากมีเครื่องมือ การให้ความรู้ และการมีส่วนร่วมจากชุมชนอย่างเหมาะสม ทุกโรงเรียนสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งจุดรีไซเคิล การแบนพลาสติกใช้ครั้งเดียว หรือการติดตั้งเครื่องกำจัดเศษอาหารจาก HASS Thailand ทุกก้าวล้วนมีความหมาย

การให้ความรู้แก่นักเรียนถึงวิธีการทิ้งขยะอย่างถูกต้องและเหตุผลเบื้องหลัง จะส่งผลต่อพฤติกรรมในระยะยาว และสร้างคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่โรงเรียนจะไม่เพียงแค่สอนจากตำรา แต่ต้องใช้ชีวิตและสื่อสารเรื่องความยั่งยืนผ่านการลงมือทำ โลกใบนี้—และคนรุ่นต่อไป—สมควรได้รับสิ่งนั้น

Shopping cart

0

No products in the cart.

Enter your search & hit enter